2. หลักการคำนวณอากรและราคาศุลกากร (มาตรา 14 - 18) ม. ๑๔ การคำนวณอากรสำหรับของที่นำเข้ามาในราชอาณาจักร ให้คำนวณตามสภาพแห่งของ ราคาศุลกากร และพิกัดอัตราศุลกากร ที่เป็นอยู่ในเวลาที่นำของเข้าสำเร็จ เว้นแต่กรณี ดังต่อไปนี้
(๑) กรณีของที่เก็บไว้ในคลังสินค้าทัณฑ์บน ให้คำนวณอากรตามสภาพแห่งของ ราคาศุลกากร และพิกัดศุลกากร ที่เป็นอยู่ในเวลาที่นำเข้าสำเร็จ แต่อัตราศุลกากรให้ถือตามอัตราศุลกากรที่ใช้อยู่ในเวลาซึ่งได้ปล่อยของเช่นว่านั้นออกไปจากคลังสินค้าทัณฑ์บน ทั้งนี้ ไม่ว่าจะปล่อยของออกไปในสภาพเดิมที่นำเข้ามาหรือในสภาพอื่น
(๒) กรณีของที่เก็บไว้ในคลังสินค้าทัณฑ์บนสูญหายหรือถูกทำลาย ให้คำนวณอากรตามสภาพแห่งของ ราคาศุลกากร และพิกัดอัตราศุลกากร ที่เป็นอยู่ในเวลาที่นำของเข้าเก็บในคลังสินค้าทัณฑ์บนนั้น
(๓) กรณีของที่นำเข้ามาในราชอาณาจักรเป็นของเพื่อการผ่านแดนหรือเพื่อการถ่ายลำและต่อมามีการขอเปลี่ยนการผ่านพิธีการศุลกากรเป็นของนำเข้าภายในระยะเวลาที่กำหนดไว้ในมาตรา ๑๐๒ วรรคสอง ให้คำนวณอากรตามสภาพแห่งของ ราคาศุลกากร และพิกัดอัตราศุลกากร ที่เป็นอยู่ในเวลาที่นำของนั้นเข้ามาในราชอาณาจักร
ม. ๑๕ การคำนวณอากรสำหรับของที่จะส่งออกไปนอกราชอาณาจักร ให้คำนวณตามสภาพแห่งของ ราคาศุลกากร และพิกัดอัตราศุลกากร ที่เป็นอยู่ในเวลาที่พนักงานศุลกากรได้รับและออกเลขที่ใบขนสินค้าแล้ว
2.1 มาตรา 14, 16-17 หลักการคำนวณสำหรับของนำเข้า
ม. ๑๔ “การคำนวณอากรสำหรับของที่นำเข้ามาในราชอาณาจักร ให้คำนวณตามสภาพแห่งของ ราคาศุลกากร และพิกัดอัตราศุลกากร ที่เป็นอยู่ในเวลาที่นำของเข้าสำเร็จ”
1. สภาพแห่งของ เช่น ของใหม่ เก่า ของเหลว ของสำเร็จรูป วัตถุดิบต่าง ฯลฯ (สินค้าที่จับต้องได้)
2. ราคาศุลกากร หมายถึง ราคาตามระบบราคา GATT หรือข้อตกลงทั่วไปว่าด้วยพิกัดอัตราภาษีศุลกากรและการค้า ค.ศ. 1947 (General Agreement on Tariffs and Trade) หรือ แกตต์ (GATT) ซึ่งมีผลบังคับใช้มาตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ค.ศ. 1948 (พ.ศ. 2491) ภายใต้การดำเนินการโดยองค์การการค้าโลก (World Trade Organization : WTO)
ราคาศุลกากรตามระบบราคาแกตต์ ได้กำหนดครั้งแรกตาม พ.ร.บ. ศุลกากร พ.ศ. 2469 มาตรา ๒ นิยามคำว่า “ราคาศุลกากร” หรือ “ราคา” แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติศุลกากร (ฉบับที่ ๑๗) พ.ศ. ๒๕๔๓ ต่อมา พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ. 2560 ได้นำมาบัญญัติไว้ตาม ม.16 ไว้แล้ว
“ม. ๑๖ เพื่อประโยชน์ในการคำนวณอากรตามพระราชบัญญัตินี้ ให้ “ราคาศุลกากร” หมายถึงราคาดังต่อไปนี้
(๑) กรณีนำของเข้า หมายถึงราคาแห่งของเพื่อความมุ่งหมายในการจัดเก็บอากรตามราคาอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังต่อไปนี้
(ก) ราคาซื้อขายของที่นำเข้า
(ข) ราคาซื้อขายของที่เหมือนกัน
(ค) ราคาซื้อขายของที่คล้ายกัน
(ง) ราคาหักทอน
(จ) ราคาคำนวณ
(ฉ) ราคาย้อนกลับ
(๒) กรณีส่งของออก หมายถึงราคาขายส่งเงินสด ซึ่งจะพึงขายของประเภทและชนิดเดียวกันได้โดยไม่ขาดทุน ณ เวลา และที่ที่ส่งของออกโดยไม่มีหักทอนหรือลดหย่อนราคาอย่างใด
(๓) กรณีนำของออกจากเขตปลอดอากร หรือเขตประกอบการเสรีตามกฎหมายว่าด้วยการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หรือเขตอื่นใดในทำนองเดียวกัน เพื่อใช้หรือจำหน่ายภายในราชอาณาจักร ให้ใช้ราคาศุลกากรตาม (๑) โดยอนุโลม
หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการใช้ราคาและการกำหนดราคาศุลกากรตาม (๑) ให้เป็นไปตามที่กำหนดในกฎกระทรวง”
กฎกระทรวงที่ออกตามความในมาตรานี้ ได้แก่
กฎกระทรวง การกำหนดและการใช้ราคาศุลกากร พ.ศ. 2560
- กำหนดให้ ราคาซื้อขายของที่นำเข้า (Transaction Value) จะต้องเป็นราคาที่ได้ชำระจริง/ที่จะต้องชำระสำหรับของที่นำเข้านั้นเมื่อได้มีการขายเพื่อส่งออกมายังราชอาณาจักร
- หมายถึงราคา CIF สำหรับการนำเข้าที่รวมค่าประกันภัย ค่าขนส่งของ ค่าขนของลง ค่าขนของขึ้น และค่าจัดการต่าง ๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับการขนส่งของที่นำเข้ามายังด่านศุลกากร ตาม ม.17 ดังนี้
“มาตรา ๑๗ การกำหนดราคาศุลกากรในกรณีนำของเข้าจะต้องรวมค่าประกันภัย ค่าขนส่งของ ค่าขนของลง ค่าขนของขึ้น และค่าจัดการต่าง ๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับการขนส่งของที่นำเข้ามายังด่านศุลกากร
ในกรณีที่ไม่มีมูลค่าของรายการค่าประกันภัยหรือค่าขนส่งของ หรือไม่มีค่าขนของลง ค่าขนของขึ้น หรือค่าจัดการต่าง ๆ ตามที่กำหนดในวรรคหนึ่ง การกำหนดมูลค่าของรายการดังกล่าวให้เป็นไปตามที่อธิบดีประกาศกำหนด”
CIF (Cost Insurance and Freight) หมายถึง ผู้ขายมีภาระรับผิดชอบค่าใช้จ่าย และค่าขนส่งของเพื่อการส่งของถึงปลายทางตามที่ระบุชื่อไว้ รวมถึงการทำประกันภัยในความเสี่ยงภัยต่อการเสียหาย หรือสูญหายระหว่างการขนส่งจนถึงท่าปลายทาง ทั้งนี้ ผู้ขายเป็นผู้ทำสัญญาและชำระค่าประกันภัย
2.2 มาตรา 14 (1) – (3) ข้อยกเว้นการคำนวณการนำของเข้าสำเร็จ
ข้อยกเว้นการคำนวณที่เป็นอยู่ในเวลาที่นำของเข้าสำเร็จ เว้นแต่กรณี ดังต่อไปนี้
(๑) กรณีของที่เก็บไว้ในคลังสินค้าทัณฑ์บน ให้คำนวณอากรตามสภาพแห่งของ ราคาศุลกากร และพิกัดศุลกากร ที่เป็นอยู่ในเวลาที่นำเข้าสำเร็จ แต่อัตราศุลกากรให้ถือตามอัตราศุลกากรที่ใช้อยู่ในเวลาซึ่งได้ปล่อยของเช่นว่านั้นออกไปจากคลังสินค้าทัณฑ์บน ทั้งนี้ ไม่ว่าจะปล่อยของออกไปในสภาพเดิมที่นำเข้ามาหรือในสภาพอื่น
(๒) กรณีของที่เก็บไว้ในคลังสินค้าทัณฑ์บนสูญหายหรือถูกทำลาย ให้คำนวณอากรตามสภาพแห่งของ ราคาศุลกากร และพิกัดอัตราศุลกากร ที่เป็นอยู่ในเวลาที่นำของเข้าเก็บในคลังสินค้าทัณฑ์บนนั้น
(๓) กรณีของที่นำเข้ามาในราชอาณาจักรเป็นของเพื่อการผ่านแดนหรือเพื่อการถ่ายลำและต่อมามีการขอเปลี่ยนการผ่านพิธีการศุลกากรเป็นของนำเข้าภายในระยะเวลาที่กำหนดไว้ในมาตรา ๑๐๒ วรรคสอง ให้คำนวณอากรตามสภาพแห่งของ ราคาศุลกากร และพิกัดอัตราศุลกากร ที่เป็นอยู่ในเวลาที่นำของนั้นเข้ามาในราชอาณาจักร
2.3 มาตรา 15, 16 หลักการคำนวณสำหรับของส่งออก
ม. ๑๕ “การคำนวณอากรสำหรับของที่จะส่งออกไปนอกราชอาณาจักร ให้คำนวณตามสภาพแห่งของ ราคาศุลกากร และพิกัดอัตราศุลกากร ที่เป็นอยู่ในเวลาที่พนักงานศุลกากรได้รับและออกเลขที่ใบขนสินค้าแล้ว”
1. สภาพแห่งของ เช่น ของใหม่ เก่า ของเหลว ของสำเร็จรูป วัตถุดิบต่าง ฯลฯ (สินค้าที่จับต้องได้)
2. ราคาศุลกากร หมายถึง ราคาสำหรับการส่งออกตามมาตรา 16 (2) และต้องเป็นราคา FOB ดังนี้
- ม. ๑๖ เพื่อประโยชน์ในการคำนวณอากรตามพระราชบัญญัตินี้ ให้ “ราคาศุลกากร” หมายถึงราคาดังต่อไปนี้...(๒) กรณีส่งของออก หมายถึงราคาขายส่งเงินสด ซึ่งจะพึงขายของประเภทและชนิดเดียวกันได้โดยไม่ขาดทุน ณ เวลา และที่ที่ส่งของออกโดยไม่มีหักทอนหรือลดหย่อนราคาอย่างใด
- FOB (Free On Board) หมายถึง ผู้ขายมีภาระรับผิดชอบต้องส่งมอบของลงเรือ ณ ท่าส่งออกที่ได้ระบุไว้ ส่วนผู้ซื้อจะต้องรับภาระค่าใช้จ่าบทั้งหมดรวมทั้งความเสี่ยงต่อความเสียหายหรือสูญหายที่เกิดขึ้นเมื่อของอยู่บนเรือ กรมศุลกากรได้วางระเบียบปฏิบัติไว้ตามประกาศกรมศุลกากร ดังนี้
- ปก.16/2561 การกำหนดมูลค่าของรายการค่าประกันภัย ค่าขนส่งของ ค่านของลง ค่าขนของขึ้น หรือค่าจัดการต่าง ๆ ลว.23.01.61 (ม.17) ได้กำหนดข้อตกลงการส่งมอบของในทางการค้าระหว่างประเทศ (International Commercial Term : INCOTERMS)
3. พิกัดอัตราศุลกากร หมายถึง พระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ. 2530 ดังนี้
พระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ. 2530
“ม.4 ของที่นำเข้ามาหรือพาเข้ามาในหรือส่งหรือพาออกไปนอกราชอาณาจักรนั้น ให้เรียกเก็บและเสียอากรตามที่กำหนดไว้ในพิกัดอัตราศุลกากรท้ายพระราชกำหนดนี้ หรือตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังประกาศกำหนดโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีตามที่บัญญัติไว้ในพระราชกำหนดนี้
พิกัดอัตราอากรขาออกได้กำหนดไว้ในภาค 3 แนบท้ายพระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ. 2530 รวม 9 ประเภท ดังนี้ เสียอากรตามราคาหรือตามสภาพ ประเภท 1 - 8
1. ข้าวเจ้า ข้าวเหนียว ไม่ว่าจะเป็นข้าวเปลือก ข้าวขาว ข้าวกล้อง ข้าวนึ่ง ปลายข้าว หรือรำ
2. เศษโลหะทุกชนิด
3. หนังโคและหนังกระบือ ไม่ว่าดิบหรือฟอกแล้ว (ไม่รวมถึงเศษตัด เศษและผง ซึ่งไม่สามารถนำไปใช้ในอุตสาหกรรมทำหนังและอุตสาหกรรมผลิตหนัง) (ก) หนังดิบ (ข) อื่น ๆ
4. ยางของต้นยางตระกูลฮีเวีย ไม่ว่าจะเป็นยางแผ่น ยางแท่ง เศษยาง ยางก้อน น้ำยาง หรือขี้ยางจากต้นยาง ยางปนดิน หรือปนเปลือกต้นยาง รวมทั้งยางในลักษณะอื่นซึ่งยังอยู่ในสภาพวัตถุดิบ
(ก) ยางแผ่น ยางแท่ง และเศษของยางดังกล่าว นอกจากที่ระบุไว้ใน (ข) และ (ค)
(ข) ยางแท่งตามมาตรฐานที่อธิบดีกรมศุลกากรกำหนด
(ค) ยางแผ่นชนิดเครป และเศษของยางแผ่นชนิดเครป
(ง) น้ำยางข้น
(จ) น้ำยางสด
(ฉ) อื่นๆ
5. ไม้ ไม้แปรรูป และของทำด้วยไม้ (ก) ไม้และไม้แปรรูป (ข) ของทำด้วยไม้ (1) ชนิดที่ไม่เหมาะที่จะนำไปแปรรูปเป็นอย่างอื่น (2) อื่น ๆ
6. เส้นไหมดิบที่ยังมิได้ตีเกลียว และเส้นด้ายที่ทำด้วยไหม ขี้ไหม หรือเศษไหม
7. ปลาป่นหรือเตาอบแห้งที่ยังมิได้ป่น อันไม่เหมาะสำหรับเป็นอาหารของมนุษย์
8. ของที่ส่งออกจากพื้นที่พัฒนาร่วมตามกฎหมายว่าด้วยองค์กรร่วมไทย – มาเลเซีย
(ก) น้ำมันส่วนที่เป็นกำไรอันเป็นส่วนแบ่งของผู้ได้รับสัญญาตามกฎหมายว่าด้วยองค์กรร่วมไทย – มาเลเซีย ที่ขายนอกราชอาณาจักรไทยและมาเลเซีย
(ข) น้ำมันส่วนที่เป็นกำไรอันเป็นส่วนแบ่งของผู้ได้รับสัญญาตามกฎหมายว่าด้วยองค์กรร่วมไทย – มาเลเซีย ที่เข้าไปในราชอาณาจักรไทยหรือมาเลเซีย
(ค) ของอื่น ๆ นอกจาก (ก) และ (ข) ที่ผลิตในพื้นที่พัฒนาร่วมที่เข้าไปในราชอาณาจักรไทย มาเลเซีย หรือประเทศอื่น
(ง) ของที่มิได้ผลิตในพื้นที่พัฒนาร่วมที่เข้าไปในราชอาณาจักรไทย มาเลเซีย หรือประเทศอื่น
9. ของซึ่งมิได้ระบุหรือรวมไว้ในประเภทอื่นใดในพิกัดอัตราอากรขาออกฉบับนี้ (ไม่ต้องเสียอากร)
4. เวลาที่พนักงานศุลกากรได้รับและออกเลขที่ใบขนสินค้า
ตาม ม. ๑๕ ที่ว่า “การคำนวณอากรสำหรับของที่จะส่งออกไปนอกราชอาณาจักร ให้คำนวณตาม... ที่เป็นอยู่ในเวลาที่พนักงานศุลกากรได้รับและออกเลขที่ใบขนสินค้าแล้ว” นั้น หมายถึงการยื่นใบขนสินค้าขาออกด้วยระบบอิเล้กทรอนิกส์ ตามมาตรา 11 ดังนี้
ม. ๑๑ การดำเนินการทางศุลกากร ถ้าได้กระทำในรูปของข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ให้ถือว่ามีผลโดยชอบด้วยกฎหมายเช่นเดียวกับการดำเนินการทางศุลกากรโดยเอกสาร ทั้งนี้ การนำข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์มาใช้ในการศุลกากรให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์
กรมศุลกากรได้กำหนดระเบียบปฏิบัติไว้ตามประกาศกรมศุลกากรต่าง ๆ ดังต่อไปนี้
- ปก.132/61 คู่มือการปฏิบัติพิธีการศุลกากรทางอิเล็กทรอนิกส์ว่าด้วยกระบวนการทางศุลกากรสำหรับการส่งออก (ม.7, 52)
- ปก.133/61 คู่มือการปฏิบัติพิธีการศุลกากรทางอิเล็กทรอนิกส์ว่าด้วยกระบวนการทางศุลกากรสำหรับการนำเข้า (ม.7, 52)
- ปก.134/61 การปฏิบัติพิธีการศุลกากรทางอิเล็กทรอนิกส์ (ม.7, 29 - 31, 51, 63, 64, 71, 94, 96, 118, 122, 124, 126, 136, 139, 150 – 153, 155, 158 ประกอบ ม.53, 54 แห่ง พ.ร.บ. การนิคมฯ 2522)
ตัวอย่างใบขนสินค้าขาออก
2.4 มาตรา 18 การขอทราบราคาศุลกากร ถิ่นกำเนิดแห่งของ หรือพิกัดอัตราศุลกากรล่วงหน้า
ม. ๑๘ “ผู้ใดประสงค์จะขอทราบราคาศุลกากร ถิ่นกำเนิดแห่งของ หรือพิกัดอัตราศุลกากร ผู้นั้นอาจยื่นคำร้องขอต่ออธิบดีเพื่อให้พิจารณาเป็นการล่วงหน้าในเรื่องดังต่อไปนี้
(๑) กำหนดราคาศุลกากรแห่งของที่จะนำเข้ามาในราชอาณาจักร
(๒) กำหนดถิ่นกำเนิดแห่งของที่จะนำเข้ามาในราชอาณาจักรตามกฎว่าด้วยถิ่นกำเนิดตามที่ระบุไว้ในสัญญาหรือความตกลงระหว่างประเทศ
(๓) ตีความพิกัดอัตราศุลกากรตามกฎหมายว่าด้วยพิกัดอัตราศุลกากรเพื่อจำแนกประเภทแห่งของในพิกัดอัตราศุลกากร
การยื่น การพิจารณา และการแจ้งผลการพิจารณาคำร้องขอ ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีประกาศกำหนด
ผลการพิจารณาคำร้องขอตามวรรคหนึ่ง ผูกพันเฉพาะกรมศุลกากรและผู้ร้องขอตามระยะเวลาที่อธิบดีกำหนด”
ประกาศกรมศุลกากรที่เกี่ยวข้อง
ปก.17/2561 หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข การยื่น การพิจารณา และแจ้งผลการพิจารณาคำร้องขอทราบราคาศุลกากร ถิ่นกำเนิดแห่งของ และพิกัดอัตราศุลกากรล่วงหน้า ลว.23.01.61 (ม.18)
3. แบบทดสอบท้ายบท
ตอนที่ 2.3 การประเมินอากร
ตอนที่ 2.4 การคืนอากร
ตอนที่ 2.5 การวินิจฉัยอากรและการอุทธรณ์การประเมินอากร
ลิขสิทธิ์โดย ดร.สงบ สิทธิเดช
Online 25/07/2564
dr.sangob.ct@gmail.com
dr.sangob.blogspot.com