1. หลักในการเสียอากร (1)...................(2.)...................(3)......................
2. พิกัดอัตราท้าย พ.ร.ก. พิกัดอัตราศุลกากร 2530 แบ่งออกเป็น 4 ภาค ได้แก่
ภาค 1………………………………. (มี....ข้อ)
ภาค 2 .............................................(มี.......หมวด.........ตอน)
ภาค 3 ……………………………………..(มี.......ประเภท)
ภาค 4………………………………………(มี..........ประเภท)
3. ตามพิธีสารว่าด้วยการนำพิกัดศุลกากรฮาร์โมไนซ์อาเซียนมาใช้ ซึ่งพิธีสารดังกล่าวได้กำหนดให้ใช้พิกัดศุลกากรในระดับ........หลักร่วมกัน
4. ความรับผิดในอันจะต้องเสียอากรสำหรับของที่นำเข้ามาในหรือส่งออกไปนอกราชอาณาจักรเกิดขึ้นในเวลาที่..................................................ตามมาตรา ๕๐
5. อธิบายการนำเข้าของสำเร็จหรือส่งของออกสำเร็จใน 4 เส้นทางหลัก ๆ (ทางทะเล, ทางบก, ทางอากาศ และทางไปรษณีย์) เป็นอันสำเร็จเมื่อใด
6. ผู้นำของเข้าหรือผู้ส่งของออกมีหน้าที่เสียอากรเมื่อ................................ต่อพนักงานศุลกากรและพนักงานศุลกากร................................แล้ว
7. ผู้นำของเข้าหรือผู้ส่งของออกต้องยื่นใบขนสินค้าเมื่อใด...................................
8. กรณีใดที่ผู้ที่เกี่ยวข้องร้องขอให้นำของนั้นไปจากอารักขาของศุลกากรหรือส่งของนั้นออกไปนอกราชอาณาจักรโดยยังไม่ต้องยื่นใบขนสินค้าให้สมบูรณ์หรือยังไม่ต้องเสียอากรจนครบถ้วน
9. กรณีใดที่ผู้นำของเข้าไม่ต้องยื่นใบขนสินค้าสำหรับของที่นำเข้ามาในราชอาณาจักรนั้น
10. กรณีที่ใดผู้นำของเข้าสามารถยื่นคำขออนุญาตเปิดตรวจของที่อยู่ในอารักขาของศุลกากรนั้นได้
11. เมื่อนำของเข้ามาในหรือจะส่งของออกไปนอกราชอาณาจักร รายการที่จำเป็นอย่างน้อยที่จะต้องสำแดงในใบขนสินค้า ตามที่กำหนดไว้ในมาตรา 52 ดังต่อไปนี้ (1)......................(2)..........................(3)........................(4)........................
12. ความรับผิดในอันที่ต้องเสียภาษีสรรพสามิตเกิดขึ้นเมื่อใด
13. ความรับผิดในอันที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับการนำเข้าและการส่งออกเกิดขึ้นเมื่อใด
14. หลักการคำนวณสำหรับของนำเข้ามาในราชอาณาจักร ให้คำนวณตาม (1)........... (2)......... และ (3).......................ที่เป็นอยู่ในเวลาที่นำของเข้าสำเร็จ”
15. “ราคาศุลกากร” กรณีนำของเข้า หมายถึงราคาแห่งของเพื่อความมุ่งหมายในการจัดเก็บอากรตามราคาอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังต่อไปนี้
(ก) .........................................
(ข) ..........................................
(ค) ........................................
(ง) ............................................
(จ) ...........................................
(ฉ) ........................................
16. . “ราคาศุลกากร” กรณีส่งของออก หมายถึง...................................................................
17. . “ราคาศุลกากร” กรณีนำของออกจากเขตปลอดอากร หรือเขตประกอบการเสรีตามกฎหมายว่าด้วยการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หรือเขตอื่นใดในทำนองเดียวกัน เพื่อใช้หรือจำหน่ายภายในราชอาณาจักร ..............
18. CIF (Cost Insurance and Freight) หมายถึง.............................
19. ข้อยกเว้นการคำนวณการนำของเข้าสำเร็จ
(๑) กรณีของที่เก็บไว้ในคลังสินค้าทัณฑ์บน ............
(๒) กรณีของที่เก็บไว้ในคลังสินค้าทัณฑ์บนสูญหายหรือถูกทำลาย ...............
(๓) กรณีของที่นำเข้ามาในราชอาณาจักรเป็นของเพื่อการผ่านแดนหรือเพื่อการถ่ายลำและต่อมามีการขอเปลี่ยนการผ่านพิธีการศุลกากรเป็นของนำเข้าภายในระยะเวลาที่กำหนดไว้ในมาตรา ๑๐๒ วรรคสอง........
20. หลักการคำนวณสำหรับของส่งออก การคำนวณอากรสำหรับของที่จะส่งออกไปนอกราชอาณาจักร ให้คำนวณ……………………………………………………………………………….
21. FOB (Free On Board) หมายถึง ..................................................
22. พิกัดอัตราอากรขาออกได้กำหนดไว้ในภาค 3 แนบท้ายพระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ. 2530 รวม ทั้งหมด.............ประเภท แยกออกเป็นที่ต้องอากรขาออก.............ประเภท
23. ตามมาตรา 18 ผู้ที่เกี่ยวข้องสามารถยื่นคำร้องขอต่ออธิบดีเพื่อให้พิจารณาเป็นการล่วงหน้าในเรื่องใดได้บ้าง
(๑) ......................................
(๒).......................................
(๓)...........................................
ลิขสิทธิ์โดย ดร.สงบ สิทธิเดช
Online 25/07/2564
dr.sangob.ct@gmail.com
dr.sangob.blogspot.com
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น